๖ กรกฎาคม ๒๕๕๒

คำตรัสพระพุทธเจ้า "ผู้มีราตรีเดียวเจริญกว่า"


"ผู้มีปัญญาไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรมุ่งหมายถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะว่าสิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละเสียแล้ว สิ่งใดที่ยังไม่มาถึง สิ่งนั้นก็ยังไม่ได้มาถึง ผู้ใดเห็นแจ้งธรรมที่เกิดจขึ้นจำเพาะหน้าในที่นั้นๆ ในกาลนั้นๆ ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลน ครั้นรู้ธรรมนั้นแล้ว พึงให้ธรรมนั้นเจริญเนืองๆ

ควรเพียรควรทำเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะพึงรู้ว่าความตายจะมีต่อพรุ่งนี้ เพราะว่าความผิดเพี้ยนต่อมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่ ไม่มีเลย
ผู้รู้ที่เป็นคนสงบระงับ ย่อมกล่าสรรเสริญผู้มีความเพียร ไม่เกียจคร้านในกลางวัน กลางคืน อยู่ด้วยความไม่ประมาทอย่างนี้ว่า "ผู้มีราตรีเดียวเจริญกว่า"

เหตุแห่งคำตรัส : พระมหากัจจายนเถระ

"ฯลฯ...พระมหากัจจายนะจำพรรษาอยู่แคว้นอวันตีได้หลายพรรษา ก็กลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเชตวัน วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงภัทเทกรัตตสูตร โดยย่อดังคำตรัสข้างต้น จากนั้นพระพุทธองค์ก็เสด็จเข้าสู่พระวิหารที่ประทับ

ภิกษุทั้งหลายไม่มีโอกาสกราบทูลถามข้อสงสัยในคำตรัสข้างต้น จึงนิมนต์ให้พระมหากัจจายนะอธิบายให้ฟัง จนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง พระพุทธเจ้าทรงกล่าวสรรเสริญว่า พระมหากัจจายนะเป็นเอตทัคคะด้านขยายความย่อให้พิสดารได้อย่างชัดเจน เป็นหนึ่งในพระอรหันต์ที่เข้าร่วมสังคายนาครั้งแรกที่ถ้ำสัตบรรคูหา เมืองราชคฤห์ ....ฯลฯ"


คำตรัสของพระพุทธเจ้า เหตุแห่งคำตรัส หน้า ๖๘

ขอบคุณภาพประกอบ จาก burgs'blog.

.

ไม่มีความคิดเห็น: